Showing posts with label Achievement. Show all posts
Showing posts with label Achievement. Show all posts

ศปช.ตร.บริษัท ชวี่ เฉวียน ฟูดส์ จำกัด

Thursday, February 12, 2009 | |

  บริษัท ชวี่ เฉวียน ฟูดส์ จำกัด ร่วมกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยและสำนักตำรวจแห่งชาติ ได้จัดตั้งศูนย์ประสานงานประชาชนและอาสาสมัครช่วยงานตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ภาคประชาชน (ศปช.ตร. บริษัท ชวี่ เฉวียน ฟูดส์ จำกัด) ขึ้นภายในโรงงาน ซึ่งการจัดตั้ง ศปช.ตร. มีวัตถุประสงค์หลัก ดังนี้

1.เพื่อส่งเสริมให้องค์กรซึ่งเกิดจากการรวมกลุ่มของภาคเอกชน ได้เข้ามามีบทบาทเป็นที่ปรึกษาและสนับสนุนการทำงานของตำรวจในด้านต่างๆ พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้เข้ามามีส่วนร่วมในกิจการตำรวจตามศักยภาพที่มีอยู่
2.เพื่อสร้างกระแสและกลไกแห่งความร่วมมือให้เอกชนตระหนักถึงภัยจากปัญหาอาชญากรรม และร่วมแก้ไขปัญหาในสังคมร่วมกันตามกระบวนการมีส่วนร่วมอย่างเข้มแข็ง
3.เพื่อสร้างกลไกเฝ้าระวังทางสังคมที่สามารถบูรณาการเชื่อมโยงเครือข่ายและขยายกรอบการทำงานร่วมกันเป็นองค์รวม ทั้งภาครัฐและเอกชน ได้อย่างมีประสิทธิภาพทั้งระบบสังคม
4.เพื่อให้ภาพการทำงานร่วมกันของภาคเอกชนกับตำรวจเกิดขึ้นอย่างมีรูปธรรม มีการกำหนดเป้าหมายและแนวทางการดำเนินงานที่ชัดเจน มีรูปแบบ เป็นระบบ

ติดต่อ ศปช.ตร. บริษัท ชวี่ เฉวียน ฟูดส์ จำกัด 053-952256-7, 053-952015

HCF in Manager online

Saturday, January 24, 2009 | |

 

“ชวี่ เฉวียน ฟู้ดส์” ขิงดองไทย ครองใจชาวญี่ปุ่น

วันจันทร์ ที่ 12 มกราคม พ.ศ.2552 เวลา 08:43 น.

“ขิงดอง” ถือเป็นหนึ่งในอาหารทางวัฒนธรรมของคนญี่ปุ่น แต่เนื่องจากประเทศญี่ปุ่นมีพื้นที่ทำเกษตรจำกัด ทำให้การเพาะปลูกขิงไม่เพียงพอต่อความต้องการบริโภคภายในประเทศ จำเป็นนำเข้าขิงดองจากต่างประเทศ 100% โดยมีการนำเข้าจากไทยมากที่สุดปีละหลายร้อยล้านบาท

อย่างเช่นรายของ “บริษัท ชวี่ เฉวียน ฟู้ดส์ จำกัด” ซึ่งมีฐานการผลิตอยู่ใน จ.เชียงราย โดยผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ส่งออกไปตลาดญี่ปุ่นถึง 98% เน้นจับตลาดบน สร้างรายได้ปีละกว่า 200-300 ล้านบาท

นายเจริญชัย แย้มแขไข กรรมการผู้จัดการ

นายเจริญชัย แย้มแขไข กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชวี่ เฉวียน ฟู้ดส์ จำกัด ผู้ผลิตขิงดอง ขิงแปรรูป และมะเขือม่วงดองส่งออกรายใหญ่ของไทยกล่าวถึงการดำเนินธุรกิจว่า บริษัทฯ เป็นการร่วมทุนระหว่างไทยกับไต้หวัน เดิมตั้งโรงงานอยู่ที่ไต้หวันและได้ย้ายฐานการผลิตมายังประเทศไทยเมื่อปี 2536 ดำเนินธุรกิจผลิตขิงดองกึ่งสำเร็จรูปส่งออกตลาดญี่ปุ่น และในปี 2541 ได้ทดลองผลิตขิงแปรรูปส่งจำหน่ายซึ่งก็ได้รับการยอมรับจากลูกค้า จากนั้นจึงได้ทำการผลิตมะเขือม่วงดองเพิ่มซึ่งผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่เป็นการผลิตภายใต้แบรนด์ของลูกค้า
       ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ของบริษัทเป็นการผลิตเพื่อการส่งออก 100% ไม่มีจำหน่ายในประเทศ จับกลุ่มลูกค้าตลาดบนเป็นหลัก เนื่องจากไม่ต้องการแข่งขันด้านราคากับประเทศคู่แข่งจากเวียดนาม มาเลเซีย อินโดนีเซีย โดยเฉพาะจีนที่มีราคาถูกกว่าแต่คุณภาพนั้นยังสู้ไทยไม่ได้ ทำให้ผลิตภัณฑ์ขิงดองและขิงแปรรูปที่บริษัทผลิตขึ้นได้รับการยอมรับจากผู้บริโภค สามารถครองส่วนแบ่งตลาดในญี่ปุ่นได้ 30 - 35 % จากผลิตภัณฑ์ขิงดองและขิงแปรรูปที่ส่งเข้าประเทศญี่ปุ่นทั้งหมด

ขั้นตอนการตัดแต่งสินค้า

“ประเทศญี่ปุ่นถือเป็นตลาดส่งออกหลักของบริษัทถึง 98% ที่เหลือกระจายอยู่ในตลาดสหรัฐอเมริกา และยุโรป ซึ่งเป็นแหล่งที่มีคนญี่ปุ่น จีน และไต้หวันอาศัยอยู่ โดยในแต่ละปีสามารถสร้างรายไดให้บริษัทกว่า 200 – 350 ล้านบาท” เจ้าของธุรกิจเผย
ทั้งนี้ การตัดสินใจย้ายฐานการผลิตจากไต้หวันมาที่ประเทศไทย ทำให้ต้องหาพื้นที่สำหรับการเพาะปลูกขิงสายพันธุ์จากญี่ปุ่นโดยเฉพาะขึ้น และพบว่าพื้นที่ทางภาคเหนือมีความเหมาะสมกับการปลูกขิงสายพันธุ์ญี่ปุ่นที่ได้คุณภาพ ประกอบด้วย เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง น่านและพะเยา บริษัทจึงได้มาจัดตั้งโรงงานอยู่ที่ อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย

สาเหตุที่ต้องใช้ขิงสายพันธุ์ญี่ปุ่นเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิต เนื่องจากขิงญี่ปุ่นมีกากไฟเบอร์น้อย และมีรสชาติเผ็ดน้อยกว่าขิงไทย ปัจจุบันมีการเพาะปลูกขิงสายพันธุ์ญี่ปุ่นเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือตอนบนประมาณ 2 หมื่นไร่ นอกจากนี้ยังมีการเพาะปลูกกันมากที่จังหวัดเพชรบูรณ์ พิษณุโลก และจังหวัดเลย รวมพื้นที่เพาะปลูกขิงทั่วประเทศทั้งสิ้นกว่า 3 หมื่นไร่ ส่วนพื้นที่เพาะปลูกมะเขือม่วงประมาณ 300 ไร่กระจายอยู่ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ และลำปาง
“การรับซื้อขิงอ่อนสดจากเกษตรกรจะมีขึ้นราวเดือนกรกฎาคม-ตุลาคม ซึ่งเป็นช่วงที่ขิงมีอายุ 4-6 เดือนมีคุณภาพที่เหมาะสำหรับการผลิตขิงดองและขิงแปรรูป โดยในแต่ละปีบริษัทจะรับซื้อขิงอ่อนสดจากเกษตรกรถึง 12 ล้านกิโลกรัม สามารถผลิตขิงดองและขิงแปรรูปส่งออกได้ปีละ 600 ตู้คอนเทนเนอร์” นายเจริญชัยเผย

สำหรับขั้นตอนการผลิตขิงดองนั้น เมื่อได้ขิงสดมาแล้วต้องล้างเพื่อเอาดินที่ติดอยู่ออกก่อน จากนั้นจะนำลงบ่อดองที่มีความลึก 3 เมตร กว้าง 5 ยาว 6 เมตร จุได้บ่อละ 50 – 60 ตัน มีจำนวนบ่อดองทั้งสิ้น 150 บ่อ หมักทิ้งไว้ประมาณ 10 วัน หรือมากกว่านั้น จากนั้นจึงค่อยทยอยนำขึ้นมาปลอกเปลือก หรือที่เรียกว่าตัดแต่ง โดยมีแรงงานที่ทำหน้าที่ในการตัดแต่งกว่า 500 - 800 คน กำลังการผลิตต่อคนเฉลี่ยอยู่ที่ 40 – 100 กิโลกรัมต่อวัน จากนั้นนำมาคัดขนาด ชั่งน้ำหนัก แพ็คกิ้ง และนำบรรจุลงในลังและพาเลตไม้ เพื่อเตรียมส่งออกต่อไป
แต่เมื่อประเทศญี่ปุ่นได้มีประกาศเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2551 ห้ามนำเข้าบรรจุภัณฑ์ที่ทำจากไม้ หรือ ลังไม้ ที่ไม่ผ่านการรับรองมาตรฐาน IPPC เข้าไปยังประเทศญี่ปุ่นอย่างเด็ดขาด เพื่อปกป้องความเสี่ยงจากการแพร่กระจายของแมลงที่ไม่พึงประสงค์ที่อาจติดมากับบรรจุภัณฑ์ไม้ ซึ่งอาจเข้าไปสร้างความเสียหายและเป็นอันตรายต่อด้านการเกษตรของประเทศญี่ปุ่น
จากความเข้มงวดดังกล่าว ทำให้ต้องหาวิธีแก้ไขปัญหาเพื่อไม่ให้กระทบต่อการส่งออก บริษัทจึงได้เข้ารับความช่วยเหลือจากโครงการสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีของอุตสาหกรรมไทย (iTAP) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ในโครงการ “การสร้างเตาอบวัสดุบรรจุภัณฑ์จากไม้เพื่อการ Heat Treatment” สำหรับใช้บรรจุผลิตภัณฑ์ขิงดองส่งออก โดย iTAP ได้จัดส่งผู้เชี่ยวชาญจากภาควิชาวนผลิตภัณฑ์ คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เข้ามาเป็นที่ปรึกษา เมื่อปี 2550 ที่ผ่านมา ปัจจุบันบริษัทได้สร้างเตาอบดังกล่าวเพิ่มขึ้นเป็น 2 เตา เพื่อรองรับความต้องการใช้งาน สามารถอบลังไม้ได้ถึงคราวละประมาณ 1,000 ลัง

ผลที่ได้รับจากโครงการฯ นี้ ทำให้บริษัทสามารถส่งออกไปยังประเทศญี่ปุ่นได้อย่างต่อเนื่อง เพราะลังและพาเลตไม้ที่ผ่านการอบจากเตาอบที่บริษัทสร้างขึ้นจะมีมาตรฐาน IPPC เป็นเครื่องหมายรับรองลงบนตัวลังและพาเลตไม้ทุกครั้งเพราะการที่บริษัทสามารถควบคุมการอบได้เอง หากเกิดปัญหาขึ้นที่ปลายทางก็ตรวจสอบได้ทันที ซึ่งนอกจากได้เตาอบที่มีประสิทธิภาพแล้ว ยังช่วยลดต้นทุนลงจากเดิมที่ต้องสั่งซื้อลังไม้ที่อบแล้วจากภายนอกโรงงานถึงปีละกว่า 3 ล้านบาท ซึ่งในแต่ละปีบริษัทต้องใช้ลังไม้เป็นจำนวนมากนับแสนใบ แต่ที่สำคัญ คือ ความมั่นใจในคุณภาพของบรรจุภัณฑ์และการจัดส่งสินค้ามากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันบรรจุภัณฑ์ขนส่งสินค้า มีด้วยกัน 2 แบบ นอกจากบรรจุภัณฑ์ไม้ หรือ พาเลตไม้แล้ว ยังมีพาเลตที่ทำจากสแตนเลสแบบน๊อคดาวน์ เนื่องจากญี่ปุ่นมีกฎหมายเทศบาลที่กำหนดว่าหากมีการเผาวัสดุใดๆก็ตามจะคิดค่าเผาตามน้ำหนักเป็นกิโลถือว่าแพงมาก ดังนั้น จึงมีการจัดทำพาเลตจากสแตนเลสขึ้นใช้นิยมกันมากในเมืองใหญ่ เช่น โอซาก้า และ โตเกียว แต่สำหรับเมืองเล็กๆ ยังคงใช้พาเลตจากไม้เป็นส่วนใหญ่

นำขึ้นบรรจุ สำหรับเตรียมส่งออก

นายเจริญชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ขิงดองถือเป็นวัฒนธรรมการกินของชนชาติญี่ปุ่นโดยเฉพาะ ซึ่งประเทศอื่นไม่นิยมมากนัก โดยในปี 2546 เป็นต้นมา บริษัทมีผลประกอบการเพิ่มขึ้นจากการส่งออกไปญี่ปุ่นเฉพาะผลิตภัณฑ์ขิงดองและขิงแปรรูปสามารถสร้างรายได้ให้กับบริษัทถึงปีละประมาณ 200 - 350 ล้านบาท และอีก 60 ล้านบาทจากผลิตภัณฑ์มะเขือม่วงดองที่ได้รับการตอบรับจากตลาดญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง บริษัทยังเตรียมขยายผลิตภัณฑ์สินค้าทางด้านเกษตรอื่นๆ เพิ่มเข้าไปยังตลาดญี่ปุ่นมากขึ้น

ที่มา  :  http://www.manager.co.th/SMEs/ViewNews.aspx?NewsID=9510000152892

Chiangrai Safety Week 2008 (March 25-27, 2008)

Thursday, April 03, 2008 | |

HCF participated Safety Week #1 at Chiangrai Airport. Our booth presented the safety plan and activities in Factory, recruitment, products sale and VDO presentation. This year is an opportunity for us to recieved Outstanding Award for Safety, Occupational Health, and Working Environment, Year 2008 from Department of Labour Protection and Welfare.

Sushi ginger was interested by visitors.

TLS 8001-2003

Friday, September 28, 2007 | |

HCF recieved TLS 8001-2003 Certificate Completion Level from The Ministry of Labour, The Department of Labour Protection and Welfare.

Happy Toilet, Happy Life!

Wednesday, November 01, 2006 | |

HCF recieved a Happy Toilet (ส้วมสะอาดได้มาตรฐาน) certificate from Weingpapao Public Health.








About World Toilet Expo


The World Toilet Expo & Forum (WTE&F) is a series of events created by the World Toilet Organization (WTO) to cater to the specific needs of mature cities. Each of the events addresses issues that will be of particular significance to the host city.

Showcasing the latest toilet-related trends, technologies and products, the exhibition will feature a wide range of products and services from leading industry names. It will enable visitors to learn about the latest trends and innovations in the hygiene and toilet-related industries.

According to UNICEF, over 1 billion people struggle without safe water and a staggering one in three lacks even a basic toilet. In Thailand, the government adopts a proactive strategy to improve its public toilet facilities through nationwide campaigns and public education. The Thai Ministry of Public Health has outlined its public toilet development strategy based on three guiding principles - health, accessibility and safety.

The staging of the World Toilet Expo & Forum in Bangkok is in line with the Thai government's vision to create clean, accessible public toilets. Catering to the specific needs of mature cities like Bangkok, the event will serve as a platform for international and local communities to explore ways to improve the living environment, exchange ideas, network and to source innovative products and services in the hygiene and toilet related industries.